วันพฤหัสบดี, 25 เมษายน 2567

แถลงการณ์เครือข่ายองค์กรครู 4 ภูมิภาค (คลิปภาพและเสียง)

ตามที่ ศาสตราจารย์นายแพทย์จรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา  ได้เปิดเผยความคืบหน้าการพิจารณาร่างพระราชกำหนดการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ……เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 หลังจากมีการประชุมคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.)  ว่า “ขณะนี้ร่างพระราชกำหนดการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ……. ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฏีกาเรียบร้อยแล้ว รอเพียงรัฐบาลนำขึ้นทูลเกล้าฯเท่านั้น โดยมีความเห็นว่า หากกฎหมายฉบับนี้เมื่อประกาศใช้จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในการปฏิรูปการศึกษาอย่างแน่นอน ตามรายละเอียดที่รับทราบเป็นการทั่วไปนั้น

           เครือข่ายองค์กรครู 4 ภูมิภาค สหพันธ์ครูภาคเหนือ,ชมรมครูประชาบาลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ชมรมครูภาคกลาง, สมาพันธ์ครูภาคใต้ ในคราวประชุมเพื่อแสดงเจตนารมย์อันสำคัญในการปกป้องวิชาชีพครูในฐานะวิชาชีพชั้นสูงและร่วมกันคัดค้านร่างพระราชกำหนดการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ……… ตามที่คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) จะนำร่างพระราชกำหนดดังกล่าว เสนอให้รัฐบาลประกาศใช้เป็นกฎหมายในเร็ววันนี้ซึ่งเป็นการเร่งรีบในการออกกฎหมายเพื่อที่จะให้ทันภายในรัฐบาลชุดนี้ซึ่งกำลังจะหมดวาระลงนำมาซึ่งผลกระทบต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศไม่ได้สร้างหลักประกันคุณภาพการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชน และขวัญกำลังใจของผู้ประกอบวิชาชีพครูในประเด็นสถานะของการประกอบวิชาชีพครูอย่างยิ่งกับการออกใบรับรองความเป็นครูแทนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู และการใช้ชื่อตำแหน่งครูใหญ่แทนผู้อำนวยการโรงเรียน และยังมีประเด็นอีกหลายประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อการจัดการศึกษาของประเทศ ขาดความเชื่อมโยงต่อการนำกฎหมายบังคับใช้ต่อการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยที่องค์กรครูทั่วประเทศได้แสดงออกการคัดค้านพระราชกำหนด ในหลากหลายรูปแบบทั้งการออกแถลงการณ์ การสื่อสารแสดงออกทางโซเชี่ยลมีเดียอย่างกว้างขวางที่ไม่เห็นด้วยในการออกพระราชกำหนดการศึกษาแห่งชาติ ฉบับนี้ ดังนั้นเครือข่ายองค์กรครู ๔ ภูมิภาค สหพันธ์ครูภาคเหนือ,ชมรมครูประชาบาลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ชมรมครูภาคกลาง, สมาพันธ์ครูภาคใต้ จึงออกแถลงการณ์ฉบับนี้เพื่อแสดงจุดยืนในการคัดค้านพระราชกำหนดฉบับนี้อย่างถึงที่สุด โดยออกมาตรการในขับเคลื่อนปกป้องวิชาชีพครูและคัดค้านพระราชกำหนดการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ……. ดังนี้

           1. ให้องค์กรครูทั่วประเทศได้แสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ในทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องจนกว่าพระราชกำหนดการศึกษาแห่งชาติฉบับนี้จะยุติและหยุดการบังคับใช้

           2. ให้พี่น้องเพื่อนผู้ประกอบวิชาชีพครูทุกคนทั่วประเทศได้จัดส่งไปรษณียบัตรคนละ 1 ฉบับ ส่งไปยังนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดังข้อความต่อไปนี้  “ข้าพเจ้านาย/นาง/นางสาว………………………………………ตำแหน่ง………………วิทยฐานะ………………………..โรงเรียน………………………….. สพป./สพม……………………….จังหวัด………………………….ขอแสดงออกความไม่เห็นด้วยและขอคัดค้านการออกพระราชกำหนดการศึกษาแห่งชาติ ฉบับนี้ จนถึงที่สุดจนกว่าจะยุติและหยุดการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ ลงชื่อ……………………………………..”

           3. ให้พี่เพื่อนน้องผู้ประกอบวิชาชีพครูทุกคนร่วมกันประสานงานกับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านพระราชกำหนดการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. …….เพื่อไม่ให้นำพระราชกำหนดฉบับนี้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา อันจะส่งผลให้กฎหมายฉบับนี้ตกไปไม่มีผลบังคับใช้อีกต่อไป

           4. ให้ที่พี่เพื่อนน้องผู้ประกอบวิชาชีพครูทุกคนร่วมกันฟ้องศาลรัฐธรรมนูญผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินในกรณีหากรัฐบาลประกาศใช้พระราชกำหนดการศึกษาแห่งชาติ ฉบับนี้ซึ่งเป็นการออกกฎหมายที่ขัดรัฐธรรมนูญ

           5. หากมีการออกพระราชกำหนดและประกาศใช้พระราชกำหนดองค์กรครูทั่วประเทศจะยกระดับการคัดค้านพระราชกำหนดเป็นลำดับจนถึงที่สุด

           6. หากการดำเนินการตามข้อ 1-5 ไม่ได้รับการตอบสนองและยังนำพระราชกำหนดฉบับนี้ประกาศใช้เป็นกฎหมายให้พี่เพื่อนน้องผู้ประกอบวิชาชีพครูทุกคนร่วมกันถวายฏีกาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อโปรดเกล้าพิจารณาตามที่พระองค์ท่านเห็นสมควรควรมิควรแล้วแต่พระองค์ท่านจะโปรด

          เครือข่ายองค์กรครู 4 ภูมิภาค สหพันธ์ครูภาคเหนือ,ชมรมครูประชาบาลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ชมรมครูภาคกลาง, สมาพันธ์ครูภาคใต้ จึงร่วมกันเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองได้โปรดหยุดการออกพระราชกำหนดการศึกษาแห่งชาติ ฉบับนี้ เพื่อเป็นหลักประกันคุณภาพการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชน สร้างขวัญกำลังใจต่อผู้ประกอบวิชาชีพครูและส่งคุณภาพต่อการจัดการศึกษาของประเทศชาติ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าแถลงการณ์ฉบับนี้จะนำมาซึ่งการพัฒนาการศึกษาของชาติสืบไป

ด้วยความศรัทธาและเชื่อมั่น

เครือข่ายองค์กรครู 4 ภูมิภาค สหพันธ์ครูภาคเหนือ,ชมรมครูประชาบาลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชมรมครูภาคกลาง สมาพันธ์ครูภาคใต้

วันที่ 10 พฤษภาคม 2562